3.1 โครเมี่ยม อะมิโน แอซิด ดีเลต : ช่วยในการเผาผลาญน้ำตาล
3.2 แอลคาร์นิทีน : ช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน และกระชับเฟิร์มกล้ามเนื้อ
3.3 โคเอ็นไซม์ คิวเท็น : ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานของเซลล์
3.4 Glycyrrhiza Glabra(ชะเอมเทศ) : ช่วยเสริมการทำงานของตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญ ต่อกระบวนการเปลี่ยนรูปสารอาหารในร่างกาย
3.1 โครเมี่ยม อะมิโน แอซิด ดีเลต (Chromium Amino Acid Chelated)
-ช่วยลดความอยากอาหาร ป้องกันไม่ให้น้ำตาลเปลี่ยนเป็นไขมัน -ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับไขมัน LDL ลดการสร้างไขมันใหม่
-สลายไขมันเก่าให้กลายเป็นกล้ามเนื้อ ทำให้รูปร่างกระชับ ไร้ไขมันส่วนเกิน Chromium AAC มีโมเลกุลขนาดเล็กมาก สามารถดูดซึมผ่านลำไส้ได้โดยทันที โดยไม่ต้องผ่านการย่อย ทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการดูดซึมของแร่ธาตุโครเมี่ยมให้สูงยิ่งขึ้นกว่าโครเมี่ยมชนิดอื่นๆ ปราศจากผลข้างเคียง ถึงแม้ว่าจะรับประทานมาเป็นเวลานาน พบโครเมี่ยมในบรูเออร์ยีสต์ ข้าวต่างๆ เนยแข็ง และตับ
3.2 แอลคาร์นิทีน
แอล-คาร์นิทีน เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายได้รับจาก 2 ทางคือ ร่างกายสามารถสร้างเองได้ และได้รับจากการรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ คนเอเชียจะพบแอล-คาร์นิทีน ในร่างกายน้อยกว่าคนยุโรป เนื่องจากเนื้อสัตว์ที่รับประทานส่วนใหญ่เป็นสีขาว ซึ่งมีปริมาณ แอล-คาร์นิทีน น้อยกว่าเนื้อสัตว์ชนิดสีแดง
แอล-คาร์นิทีน ทำหน้าที่นำากรดไขมันเข้าไปเผาผลาญเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย ดังนั้นถ้าหากร่างกายได้รับ แอล-คาร์นิทีน ไม่เพียงพอ การเผาผลาญพลังงานก็จะลดลง และจะทำให้ไขมันถูกสะสมในร่างกายมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ มีอาการปวดเมื่อย อ่อนแรง และที่สำคัญคือโรคอ้วน
การได้รับแอล-คาร์นิทีนเสริมเข้าไป เพื่อให้ร่างกายนำไปเผาผลาญเป็นพลังงาน และเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมในปัจจุบันนี้ แอล-คาร์นิทีนมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น การควบคุมน้ำหนัก ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ภาวะผู้มีบุตรยากในเพศชาย การออกกำลังกาย เล่นกีฬา ระบบการเผาผลาญพลังงาน ฯลฯ
Co-Q10 สามารถลดความเสี่ยงจากการเสื่อสภาพของเซลต่างๆ ช่วยชะลอความแก่และลดความเสี่ยงของโรคร้ายที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของเซล เช่นโรคหัวใจ ข้อเสื่อม อัมพาต ผิวหนังเหี่ยวย่น แม้กระทั่งโรคมะเร็ง
ร่างกายจะได้รับ Co-Q10 จากการทานอาหารและร่างกายผลิตขึ้นเอง โดยจะมีปริมาณสูงสุดในช่วงอายุ 19-21 ปี หลังจากนั้นจะลดลงเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น
อาการของผู้ที่มี Co-Q10 ต่ำกว่าปกติอาจแตกต่างกันไป เช่น เกิดความรู้สึกอ่อนล้า ไม่มีเรี่ยวแรงเป็นประจำ สมองไม่ปลอดโปร่ง ผิวหนังเหี่ยวย่น หากร้ายแรกก็อาจนำไปสู่การทำงานที่บกพร่อง หรือเป็นโรคของอวัยวะที่มีความสำคัญ เช่นโรคหัวใจ
3.4 Glycyrrhiza Glabra (ชะเอมเทศ)
-เปลือกของราก จะมีเป็นสีแดง และมีรสหวานใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้คลื่นเหียน อาเจียน-ใบทำให้เสมหะแห้ง และเป็นยารักดีพิการ
-ดอกใช้รักษาอาการคัน และรักษาพิษฝีดาษ
-ผลจะมีรสหวาน ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง และอาการคอแห้ง ทำให้ชุ่มชื้น
-รากจะมีรสชุ่ม ใช้เป็นยาบำรุงปอด ขับเลือดที่เน่าในท้อง รักษาพิษยาหรือพืชพิษต่าง ๆ ชนิดคั่วแล้วรักษาอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ตรากตรำทำงานหนัก ปวดท้อง ไอเป็นไข้ สงบประสาท บำรุงปอด
-ใช้รากสดรักษาอาการเจ็บคอ เป็นแผลเรื้อรัง ระบบการย่อยอาหารไม่ดี หรืออาหารเป็นพิษ และรักษากำเดาให้เป็นปกติ
ปัจจุบัน ส่วนผสมทั้ง 4 ชนิด เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ เพียวไวท์
สอบถามข้อมูลที่คุณ วีระชัย ทองสา โทร. 084-6822645 , 085-0250423
อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น